เจา เปโดร "The Flash"⚡แห่งทีมชาติติมอร์-เลสเต 🇹🇱

“จากท้องถนนในเมืองบาวเคา (Baucau) ประเทศติมอร์-เลสเต นักเตะที่นั่นหลายคนมีเส้นทางที่ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่ได้เติบโตมากับโครงสร้างฟุตบอลที่เป็นสากล แต่อุปสรรคเหล่านั้น ไม่เคยหยุดความฝันของพวกเขาได้”
ในขณะที่ชาติยักษ์ใหญ่อื่นๆ มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด แต่ ติมอร์-เลสเต กำลังสร้างรากฐานของตัวเองอย่างช้าๆ แต่มั่นคง แม้จะเป็นหนึ่งในชาติที่เล็กที่สุดในอาเซียน แต่ทีมชาติติมอร์-เลสเต ก็ไม่เคยหยุดไล่ล่าความฝัน
พวกเขาลงแข่งขันด้วยจิตวิญญาณของนักสู้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะสามารถยืนหยัดบนเวทีระดับนานาชาติได้แบบไม่อายใคร

หนึ่งในผลผลิตจากสิ่งที่พวกเขาได้หว่านเมล็ดพันธ์เอาไว้ วันนี้ได้ผลิดอกออกผล เป็นศูนย์หน้าความเร็วสูง ความหวังใหม่และขวัญใจของแฟนบอลชาวติมอร์-เลสเต คนปัจจุบัน
วันนี้ทีมงาน Off The Bench ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับเขา เจา เปโดร “เดอะแฟลช”
วัยเยาว์ของเจ้าหนู เจา เปโดร

นักเตะอาชีพมากมาย เมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอลในวัยเด็ก พวกเขามักตอบว่า ในตอนนั้นการเตะฟุตบอลเป็นเพียงหนึ่งในกิจกรรมยามว่าง เป็นเพียงแค่การเล่นเพื่อความสนุกอย่างหนึ่งเท่านั้น
เรื่องราวของ เจา เปโดร ก็เหมือนกัน เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตอนเด็กๆกับเพื่อนๆที่บ้านเกิดเพื่อความสนุกสนานเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆไป
ณ เวลานั้นเขาไม่ได้คิดว่าอนาคตข้างหน้าจะเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพเลย เขาแค่เล่นเพื่อความสนุก มันเป็นเหมือนงานอดิเรก แต่เล่นไปเล่นมา ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของเขา ฟุตบอล ก็พาเขาไปในเส้นทางที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เจา เปโดร เริ่มเล่นให้กับทีมชาติตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 12 ปี และก็ติดทีมชาติเรื่อยมา ขยับขึ้นตามระดับอายุ จนถึงทีมชาติชุดใหญ่ในปัจจุบัน
หนึ่งปีในโปรตุเกส 🇵🇹

เจา เปโดร เคยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่ถูกเลือกจากสโมสรในบ้านเกิด (SLB Laulara) เพื่อส่งไปเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังที่ประเทศโปรตุเกส และได้ฝึกซ้อมกับสโมสรที่นั่น และในช่วงเวลานั้น เขาเริ่มตระหนักว่า
“ผมทางมาได้ไกลขนาดนี้แล้ว สักวันหนึ่งผมอาจจะได้ไล่ตามฝันบนเส้นทางฟุตบอลระดับอาชีพก็เป็นไปได้”

ประสบการณ์ในประเทศไทย 🇹🇭
ช่วงปลายปี 2018 เจา เปโดร ลงสนามในนามทีมชาติติมอร์-เลสเต พบกับทีมชาติไทยที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในการแข่งขันอาเซียนคัพ

แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะจบที่การพ่ายแพ้ แต่ฟอร์มส่วนตัวของเขากลับไปเข้าตาแมวมองของหลายสโมสรในเมืองไทย และสุดท้ายเขาตกลงรับข้อเสนอของ อุบล ยูไนเต็ด ทีมในศึกไทยลีก 2
เจา เปโดรได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิด เหลืออีกแค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ตลาดนักเตะในรอบนั้นจะปิดตัวลง เขาไม่สามารถลงทะเบียนได้ทัน เพราะติดปัญหาที่กฎของไทยลีก ไม่ถือว่าติมอร์-เลสเต นับรวมอยู่ในโควตาอาเซียน
ถ้าจะใส่ชื่อลงเล่นจะนับเป็นโควตาต่างชาติทันที และทีมมีนักเตะต่างชาติครบโควตาแล้ว จึงถือเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมากทีเดียว ที่ตัวเขาต้องเผชิญในช่วงเวลานั้น
หลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยังรู้สึกเสียดายในฝีเท้าของ เจา จึงพยายามหาทางเพื่อให้เขามีโอกาสได้ลงเล่นในเมืองไทยให้ได้ สุดท้ายทางสโมสรเลยตัดสินใจปล่อยยืมตัวให้ไปอยู่กับสโมสร นอร์ทกรุงเทพ ในไทยลีก 3 ซึ่งเขาแทบไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวใดๆ
ด้วยคุณภาพของเขา ทำให้สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ทันที และลงสนามเป็นตัวหลักให้สโมสรตลอดทั้งฤดูกาลนั้น โดยมีจำนวนประตูและแอสซิสต์ที่ทำได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ชีพจรลงเท้า 🇹🇭🇲🇾🇲🇴🇮🇩
ในทุกครั้งของการย้ายสโมสร ของเจา เปโดร ทำให้เขาได้สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ๆ จากหลายหลายประเทศ เช่น ชีวิตตอนค้าแข้งบนแผ่นดินสยาม เขาพบว่า ผู้คนที่นี่มีลักษณะนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน
"สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับชีวิตในเมืองไทยคือความเคารพผู้ใหญ่ เช่น นักเตะที่อายุน้อยกว่าจะให้ความเคารพกับนักเตะ(ผู้ใหญ่) ที่อายุมากกว่า"
อ้อ แล้วก็อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องอาหาร ที่ถึงแม้ว่าทุกประเทศจะมีอาหารประจำชาติของตัวเอง แต่เมนูสุดโปรดของเขา กับเป็นอะไรง่ายๆที่เรานึกไม่ถึงอย่าง "มาม่า รสต้มยำกุ้ง"
เจา เปโดร วาดลวดลายในไทยลีกได้หนึ่งฤดูกาล ก็ได้ย้ายไปเล่นในลีกสูงสุดของมาเลเซีย (Malaysia Super League) กับทีม UiTM United ในปี 2021 ด้วยสถานการณ์โควิดที่ยังคงแพร่ระบาด ที่นั่น ทำให้เขาได้ลงสนามเพียงสองเกม หลังจากนั้นก็ย้ายกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดที่ ติมอร์-เลสเต เป็นช่วงเวลาสั้นๆ

โดยในปีถัดมา เจา เปโดร ย้ายไปเล่นที่มาเก๊า กับทีม Benfica de Macau โดยสามารถพาทีมจบฤดูกาลในอับดับที่ 2 คว้าตำแหน่งรองแชมป์ไปครอง หลังจากนั้นชีวิตของเขา ยังคงต้องเป็นนักเตะจอมพเนจรอย่างต่อเนื่อง
ครั้งนี้ เป็น PSM มากัสซาร์ ทีมยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซียที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมหลังจากประทับใจฟอร์มระหว่างช่วงทดสอบฝีเท้ากับทีม แต่ด้วยความที่ก้าวสู่ลีกที่ใหญ่ขึ้น เกมการแข่งขันมีความเข้มข้นมากๆ แฟนบอลอินโดฯขึ้นชื่ออยู่แล้ว เรื่องความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนัง
ด้วยความที่จะพลาดไม่ได้ PSM มากัสซาร์ เพิ่งคว้าแชมป์ลีกมา(2022/23) ต้องเริ่มซีซั่นใหม่ในฐานะแชมป์เก่า และนักเตะส่วนใหญ่จากชุดแชมป์ก็ยังอยู่กับทีม โค้ชยังคงยึดผู้เล่นชุดเดิมจากฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าที่ควร การเดินทางของเขาจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ต้นสังกัดปัจจุบัน 🇰🇭
เจา เปโดร ย้ายทีมอีกครั้ง และเป็นการย้ายประเทศอีกแล้ว คราวนี้เป็นประเทศกัมพูชา โดยลงเอยกับหนึ่งในสโมสรชั้นนำของที่นั่นคือสโมสร Angkor Tiger ที่มีเจ้าของทีมเป็นชาวญี่ปุ่น ที่ลงทุนกับสโมสรเยอะมากๆ โดยถึง ณ ขณะนี้ (กุมภาพันธ์ 2025) เจา เปโดร หรือที่เพื่อนในทีมเรียกเขาว่า JP ยิงในลีก ไปได้ 4 ประตู แล้ว ส่วนในฟุตบอลถ้วยยิงได้ 3 ประตู

พัฒนาการของฟุตบอลติมอร์
เจา เปโดร เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ และแรงจูงใจ ให้นักเตะในประเทศเริ่มตระหนักว่านักเตะติมอร์ก็สามารถย้ายไปเล่นในลีกใหญ่ ๆ ได้
นอกจาก เจา เปโดร แล้ว พวกเขาเห็นตัวอย่างจากนักเตะที่ออกไปเล่นในต่างประเทศ อาทิเช่น Gali Freitas (สโมสร PSIS Semarang ในลีกอินโดเนเซีย) และ Jhon Frith (สโมสร ISI Dangkor Senchey ในลีกกัมพูชา) ซึ่งถือเป็นต้นแบบชั้นดีที่คอยกระตุ้นให้นักเตะท้องถิ่นทั้งหลาย มุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น

เพราะวันหนึ่งข้างหน้า พวกเขาเหล่านี้ อาจมีใครซักคนหรือหลายคน ที่อาจจะได้มีโอกาสเดินหน้า ตามล่าความฝันในต่างแดนเช่นกัน
ประสบการณ์ใน ASEAN Cup ครั้งล่าสุด (2024)
ในศึก ASEAN Cup ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ติมอร์-เลสเต แพ้ให้กับทีมชาติไทยแบบขาดลอยในนัดแรกด้วยสกอร์ถึง 0-10 มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดย เจา เปโดร เล่าให้ฟังว่า
“ในนัดแรกของทีมโค้ชบอกว่ามีแผนการเล่นบางอย่าง โดยติมอร์ตั้งใจจะเน้นเล่นเกมรุกสู้กับทีมชาติไทยตั้งแต่แรก โดยที่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าไทยจะเล่นเกมเพรสซิ่งสูง และมีความเข้มข้นขนาดนี้ ผู้เล่นของติมอร์ ยังไม่พร้อมรับแรงกดดันแบบนั้นได้ในนัดแรก”
หลังจากนัดแรก ติมอร์-เลสเต เปลี่ยนไปแบบชั่วข้ามคืน พวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นมาก โค้ชเริ่มปรับแผนการเล่น ตัดสินใจเน้นเกมรับให้แน่นขึ้น และใช้จังหวะโต้กลับให้เป็นประโยชน์ เพราะทีมมีผู้เล่นที่รวดเร็วและว่องไว อยู่หลายคน ซึ่งช่วยให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นหลังจากนั้น
ในนัดต่อมาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมาเลเซีย เจา เปโดร ทำผลงานส่วนตัวได้ดีเกินคาด และแทบจะกลายเป็นฮีโร่ในแมตช์นั้น โดยเจ้าตัวยิง 1 จ่าย 1 ก่อนทีมจะแพ้ไปฉิวเฉียดด้วยสกอร์ 2-3 โดยก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้น เขาได้คุยกับโค้ช เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้เล่นซีเนียร์ของทีม และยังเป็นถึงกัปตันทีมอีกด้วย

เจ้าตัวบอกกับโค้ชว่าผู้เล่นในทีมยังเด็กมาก อีกทั้งยังทำผลงานได้ไม่ดีด้วยในเกมแรก และถ้าไม่สามารถแก้ตัวได้สำเร็จในแมตช์นี้ ก็อาจจะทำให้การแข่งขันอีกสองเกมถัดไปยากมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของทีมก็ทำได้ดีขึ้นมาก

ทีมยังคงทำได้ดีต่อเนื่องในนัดถัดมาที่ต้องพบกับกัมพูชาโดยทีมพ่ายไป 1-2 โดยหนึ่งประตูของติมอร์ในนัดนี้ ก็เป็นเจ้าตัวที่ยิงได้อีกครั้ง
กำแพงอาเซียน
เจา เปโดร ผ่านการลงเล่นให้กับหลายสโมสร ในหลายประเทศย่านอาเซียน กับผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุกแบบเขา เมื่อถูกถามถึงกองหลังที่เขาคิดว่า แข็งแกร่งและผ่านได้ยากสักคนหนึ่ง มานูเอล ทอม เบียร์ กองหลังทีมชาติไทย คือคนๆนั้น แม้เขาจะจำชื่อไม่ได้ เพราะเหตุการณ์อาจจะผ่านมานานแล้ว แต่เขาจำได้ดีว่า
“กองหลังที่หัวโล้นๆ คนนั้นเล่นได้อย่างแข็งแกร่งมาก การจะพาบอลผ่านชายคนนั้นไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ประตูในความทรงจำ

ด้วยอายุ 26 ปี ในปัจจุบัน เจา เปโดร เล่นฟุตบอลมานานพอสมควรแล้ว ถ้าให้เลือกในบรรดาประตูทั้งหมดที่เคยทำได้ ว่าประตูไหนที่เขาชอบที่สุด เจา ยกให้ประตูที่เขายิงขึ้นนำ 2-1 ใส่ทีมชาติมาเลเซีย ในศึกอาเซียนคัพ (ก่อนทีมพ่ายไป 2-3)
มันเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นจังหวะสวนกลับเร็ว และเขาโชว์ฟอร์มลากเลื้อยจากครึ่งสนาม และสามารถจบสกอร์ได้อย่างเยือกเย็นและสมบูรณ์แบบ ถือเป็นประตูที่ทำให้ตัวเขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะลูกนี้ถือว่ายิงยาก มุมยิงไม่ได้กว้างมากนัก แต่ เจา ก็ยังสามารถเอาชนะกองหลังและทำประตูได้สำเร็จ
ความแตกต่างของลีกในภูมิภาคอาเซียน
เจา เปโดร ผ่านการลงเล่นในลีกต่างๆ ย่านอาเซียน ทั้งในติมอร์-เลสเต, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, กัมพูชาและประเทศไทย ถ้าพอจะบอกถึงแตกต่างกันเวลาลงเล่นในแต่ละประเทศนั้น สำหรับมาเลเซีย เขาคิดว่าเป็นลีกที่ดี แต่ปัญหาคือตัวเขาไม่ได้ลงเล่นที่นั่นมากนัก เลยอาจไม่ได้รู้จักลีกของที่นั่นดีเท่าที่ควร แต่เท่าที่รู้ โครงสร้างพื้นฐานของลีก และทุกๆ อย่างค่อนข้างดี ทีมที่เคยเล่นให้ในปีนั้นก็เป็นทีมที่ดี
เขาเคยลงเล่นปะทะกับทีมใหญ่อย่างกัวลาลัมเปอร์และตรังกานู ซึ่งเป็นสองสโมสรที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมาก ซึ่งภาพรวมของลีกมาเลเซียถือว่าแข็งแกร่งและมีคุณภาพ
ส่วนที่อินโดนีเซีย เจาคิดว่า พวกเขามีลีกที่ดี แม้อาจจะไม่ใหญ่เท่ากับที่ไทยหรือมาเลเซีย แต่บรรยากาศการเชียร์นั้นบ้าคลั่งมาก! แฟนบอลของพวกเขาสุดยอดจริง ๆ เมื่อคุณได้ลงเล่นและเห็นแฟนบอลเต็มสนาม มันช่วยกระตุ้นให้คุณเล่นเต็มที่
“ผมคิดว่าที่อินโดนีเซียมีบรรยากาศการเชียร์ในสนามที่ดีที่สุดในอาเซียน”
เป้าหมายในอนาคต
สำหรับในฤดูกาลหน้า เจา เปโดร ตั้งเป้าว่าจะแสดงผลงานออกมาให้ดีที่สุดในตอนนี้ก่อน เพื่อหวังว่าจะได้รับการต่อสัญญาออกไป หรืออาจจะมีทางเลือกอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม เช่น อาจจะไปเล่นในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ยังอยู่ในกัมพูชาต่อไปเหมือนเดิมก็เป็นไปได้ทั้งหมด
เป้าหมายที่สำคัญคือการได้ลงเล่นในลีกสูงสุด และเขายังมุ่งมั่นและฝันว่าสักวันหนึ่งจะสามารถนำทีมชาติติมอร์-เลสเต ของเขา ผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้ายในรายการระดับนานาชาติให้ได้
ปัจจุบันตัวของ เจา เปโดร อายุ 26 ปี ซึ่งถือว่ากำลังใกล้อยู่ในจุดพีคของอาชีพนักฟุตบอล และในตอนนี้ก็ยังไม่มีครอบครัว ดังนั้นตัวเขาจึงสามารถโฟกัสกับฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเขาก็หวังว่าจะพยายามไปให้ไกลได้มากที่สุดในอาชีพนักฟุตบอล
“ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความเร็วเป็นเอกลักษณ์ การเลี้ยงบอลที่ติดเท้า จังหวะกระชากลากเลื้อยที่คล่องแคล่ว ทางเดียวที่จะหยุดเขาได้ คือทำให้เขาล้มลง แต่แม้จะร่วงลงไปแล้ว เขาจะลุกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งต่อไป ไม่มีใครหยุดเขาได้?”
🇻🇳 สมัยเตะเกมทีมชาติ ที่ติมอร์เคยใช้สนามเหย้าในเวียดนาม แฟนๆบอลเวียดนาม เรียกเขาว่า "Running Machine”
🇹🇱 เพื่อนร่วมทีมชาติ เรียกเขาว่า “The Flash”
แต่ชื่อจริงๆ ของเขานั้น คือ “เจา เปโดร” จำชื่อของเขาเอาไว้ให้ดี !!!
