ผู้ถ่ายทอดเรื่องกีฬา ในสไตล์แบบของ "จอน"

ผู้ถ่ายทอดเรื่องกีฬา ในสไตล์แบบของ "จอน"

"From the Unknown to the Unmissable"

ท่ามกลาง เรื่องราว ข่าวสาร ในวงการกีฬาไทย หนึ่งในนักเขียนที่มีสไตล์ และมีลายเซ็นเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถเสนอเรื่องราวในแวดวงกีฬาออกมาได้น่าสนใจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนกีฬารุ่นใหม่ จนมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของเขา จอน ขจรยศ โชคธนเศรษฐ์ เจ้าของเพจ ที่มีชื่อเดียวกับตัวเขา คือ "จอน" รวมอยู่ด้วย

เพจ Off The Bench ขออาสานำทุกท่าน มาทำความรู้จักกับ จอน กันครับ


จุดเริ่มต้น

เด็กชายจอน เกิดในปี พ.ศ.2530 เขาเริ่มต้นดูฟุตบอลจริงจัง ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ที่จำได้แม่นยำ เพราะปีนั้นตรงกับฟุตบอลโลก 1994 แล้วเจ้าภาพในครั้งนั้นคือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเวลาแข่งขัน จะตรงกับช่วงเช้าที่เมืองไทยพอดี และเป็นเวลาเดียวกับการไปโรงเรียนในตอนเช้าของจอน

พ่อของจอนพาไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้เขามีเวลาก่อนจะเข้าแถวเคารพธงชาติ ครูพละ จำเป็นต้องดูแลเด็กให้ทั่วถึง ไม่สามารถปล่อยให้ต่างคนต่างเล่นอยู่คนละที่ได้ ง่ายที่สุดจึงต้องให้เด็กๆที่มาถึงก่อนมารวมตัวกันใต้ตึก ซึ่งมีทีวีแขวนอยู่

เวลาปกติ ทีวีจอนั้นก็จะเปิดพวกการ์ตูนหรือสารคดี วนไป แต่ในช่วงเวลาแห่งมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ 4 ปี ถึงจะมีซักครั้ง เป็นธรรมดาที่พวกครูผู้ชาย ก็อดไม่ได้ อยากดูเหมือนกัน จึงเปิดฟุตบอลโลกให้เด็กๆ ดูแทน

จุดนั้นเอง จอน ถึงได้สัมผัสว่า กีฬาลูกกลมๆ นี้นั้น มันมีมนต์เสน่ห์ ดึงดูดใจตัวเขามากแค่ไหน จากนั้น ฟุตบอลก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ จอน

จอน "เดอะ ทูนอาร์มี่"

“สาลิกาดง” นิวคาสเซิล คือทีมรักของจอน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะในช่วงเวลานั้น เจ้าสาลิกาดง กำลังไต่ระดับสร้างทีมจนบินสูง เป็นทีมหัวตารางที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับยักษ์ใหญ่

จอนเริ่มต้นจากการมี อลัน เชียเรอร์ เป็นขวัญใจ ตั้งแต่สมัยที่เจ้าของฉายา “ฮอตช็อต” ค้าแข้งกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส จนคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษ

เจ้าตัวทำผลงานได้ดี คว้าตำแหน่งดาวซัลโว ยูโร 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ หลังจากนั้น เชียเรอร์ ย้ายทีมมาอยู่กับ นิวคาสเซิล ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก ณ เวลานั้น จอน จึงตามมาเชียร์นิวคาสเซิล โดยปริยาย และสถาปนาตัวเองเป็นสาวกทูนอาร์มี่ตัวยง จนถึงทุกวันนี้


ค้นหาตัวเองเจอตั้งแต่เด็ก

ช่วง ม.ปลาย จอน เรียนสายวิทย์-คณิต แถมยังอยู่ในห้องคิง ผลการเรียนของเขาถือว่าใช้ได้เลย โดยเฉพาะในวิชาเลข จอน เก่งเป็นพิเศษ ด้วยผลการเรียนแบบนี้ ในสมัยนั้น อนาคตของจอน คงหนีไม่พ้นการเรียนต่อในสายวิศวะ หรือบัญชีแน่นอน

แต่เมื่อถึงตอนที่ต้องยื่นคะแนน เพื่อเลือกคณะ จอน กลับเลือกเรียนในคณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะจอนรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า ตัวเขานั้นชอบอะไร

ชีวิตของจอน วนเวียนอยู่กับฟุตบอลมาโดยตลอด เขาอยากทำงานอะไรก็ได้ แต่ขอแค่ให้เกี่ยวกับฟุตบอล กีฬาที่เขารัก ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีที่ทางบ้านก็เปิดกว้าง ให้เขาทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ


เส้นทางชีวิตการทำงานสายกีฬา

หลังเรียนจบ จอน เริ่มทำงานครั้งแรกที่ SMM หนึ่งในบริษัทเครือ สยามสปอร์ต สื่อกีฬาอันดับ 1 ของประเทศในขณะนั้น โดยทำอยู่ในส่วนของคลื่นวิทยุ FM 99 Sport Radio ซึ่งปีนั้นตรงกับฟุตบอลโลก 2010 พอดี โดยจอนพักอยู่ในหอพักใกล้กับที่ทำงาน และชีวิตช่วงนั้นถือว่าโหดและท้าทายมากสำหรับจอน

การเป็นเด็กจบใหม่ เพิ่งเข้าทำงานในบริษัท ทำให้ต้องทำแทบทุกอย่าง หามรุ่งหามค่ำ เงินเดือนช่วงนั้นก็ยังไม่ได้เยอะมากมาย แม้จะเหนื่อยกาย แต่จอน ไม่เคยท้อใจ เพราะเป็นตัวเขาเองที่เลือกเดินทางนี้ และจุดนี้เอง ความเหนื่อยของเขา ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่างมากๆ

จอนได้ลองทำงานแทบทุกอย่าง ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับทั้งหมดในช่วงนั้น กลายเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำมาใช้และต่อยอดจนเป็นตัว“จอน” จนทุกวันนี้


5 ชั่วโมงที่หายไป

ด้วยความที่ตอนนั้นยังหนุ่มแน่น จอน ใช้ชีวิตแบบนี้อยู่สักพัก ทำงานหนัก กิน ดื่ม เที่ยว ใช้ชีวิต สิ่งสุดท้ายที่จะทำถ้าเวลาเหลือคือ การพักผ่อน จนวันหนึ่ง เรื่องก็เกิด..

หลังเลิกงานวันนึง จอน มีนัดไปดื่มกับเพื่อนๆ สมัยเรียน จนถึงเวลา 4 ทุ่ม จอน ขอตัวกลับก่อนเพราะมีงานตอนเช้า จอนเดินออกมาจากร้าน จากนั้น เขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

ทุกคนคิดว่าเขากลับไปแล้ว ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน พอมารู้สึกตัวอีกที ตอนตี 2 กว่า เพื่อนสนิทของจอน บังเอิญออกมาจากอีกร้านพอดี มาเจอเขา นอนอยู่ริมถนน และบนตัวจอนเต็มไปด้วยรอยเท้า..

จอนกลับไปที่ห้อง ตื่นมาอีกทีตอนเกือบเที่ยง เขารู้สึกเครียดมาก นึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ยังคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า แล้ว 5 ชั่วโมงที่หายไป ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึง ตี 3 เขาหายไปไหน ไปทำอะไร มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตัวเขาบ้าง ทำไมเขาจำอะไรไม่ได้เลย

ผ่านไปหลายวัน จอนเริ่มตั้งสติได้ เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้ร่างกายมากจนเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอน่าจะทำให้ในวันนั้น ตัวเขาหลังออกจากร้านคงหมดสติไปเลย โชคดีที่คืนนั้นไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงกว่านั้น

เมื่อคิดได้แบบนั้น จอน คิดว่าตัวเขาคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว คงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างกับชีวิต จึงตัดสินใจลาออกในที่สุด


ก้าวทีละก้าว

“เราก็จบสถาบันดีนะ ประสบการณ์ทำงานก็ใช้ได้”

ตอนลาออก จอน คิดแบบนี้ เขาร่อนไปสมัครไปทุกที่ ทั้งทีวี วิทยุ หรือบริษัทที่เกี่ยวกับกีฬา ปรากฎว่า ไม่มีที่ไหนรับเขาเข้าทำงานเลย

จอนว่างงานอยู่หลายเดือนมาก แล้วปีนั้นเป็น ปี 2554 ประเทศไทย เกิดน้ำท่วมใหญ่ กิจการปิดตัวลงมากมาย ทุกบริษัท Save Cost หมด จอนว่างจนถึงขนาดว่า ไม่รู้จะทำอะไร เลยอาสาไปช่วยงานที่ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นน้ำท่วมมหาวิทยาลัยของตัวเองคาตา

หลังเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไป จอน ลองไปสมัครงานกับ แฮตทริค แมกกาซีน ที่สมัยนั้นเป็นวารสารกีฬา ที่แจกฟรี ตามรถไฟฟ้า BTS, MRT และสนามฟุตบอลให้เช่าในกรุงเทพฯ โดยเริ่มเข้าไปทำงานในตำแหน่งนักเขียน

เขาก็ได้รับโอกาสในหลายอย่าง ทั้งให้เลือกเนื้อหาที่จะทำเอง จะใส่ไอเดีย จะออกแบบอะไรก็ทำได้เต็มที่ หรืออยากจะสัมภาษณ์ใครก็ทำได้ ทำให้ช่วงเวลานี้เอง จอน ได้รู้จัก หลากหลายคนในวงการฟุตบอลไทย นำมาซึ่งการต่อยอดองค์ความรู้ของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด


แฟนพันธุ์แท้ฟุตบอลไทย

จอนทำงานในแวดวงฟุตบอลไทย ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับการเติบโตของฟุตบอลไทยลีกที่กำลังบูมสุดๆ ในช่วงเวลานั้น จะเรียกว่า จอนโตมากับฟุตบอลไทยก็ว่าได้

เขาเห็นพัฒนาการ รู้เรื่องราวแทบทุกอย่างของฟุตบอลไทย

"ผมเห็น เจ ชนาธิป ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชนของเทโร เห็น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ มาเล่นกับเมืองทอง"

จนวันหนึ่ง เขาได้ไปงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเก่า จอน เดินไปนั่งพักที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เขาเห็นหน้าจอเครื่องเปิดค้างไว้ คนที่ใช้คอมก่อนหน้าเขา เพิ่งสมัครอะไรสักอย่างในนั้นเสร็จ เขานั่งอ่านดู มันคือ “การสมัครแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้ ฟุตบอลไทย”

จอนเห็นแล้วคิดว่าน่าสนใจดี หน้าจอก็เปิดอยู่แล้ว จึงนึกสนุก สมัครไปบ้าง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทางรายการก็ติดต่อมา ให้ไปคัดเลือก

ปรากฏว่าตัวเขาได้รับเลือก และได้เข้าไปแข่งขันในรอบที่ออกทีวี 5 คนสุดท้ายซะอย่างนั้น แม้จะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ตัวจอน ได้รับการจับตามองในฐานะผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุด ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด

ในตอนนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่ทาง ทรู ที่มีลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยอยู่ในมือ กำลังมองหาทีมงานเพิ่มอยู่พอดี ทีมงานได้เห็นเขาจากรายการแฟนพันธุ์แท้ จึงติดต่อมาชวนให้ไปทำงานด้วย จอน ที่ตอนนั้นกำลังอิ่มตัวกับงานวารสารพอดี จึงตอบตกลงไปอยู่กับ ทรู ในที่สุด


เป็นมากกว่า ฟุตบอล

ด้วยความที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่ทรู จอน ได้ทำงาน ในแขนงอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นนอกเหนือจากฟุตบอล เช่น ได้ไปทำข่าว เอเชี่ยนเกมส์ หรือ ซีเกมส์ ทำข่าวในกีฬาประเภทอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งก็ถือเป็นอีกจังหวะของชีวิต ที่ จอน รู้สึกว่ามีโอกาสได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ การที่จอนได้ไปทำข่าวในกีฬาคนพิการ พวกเอเชี่ยนพาราเกมส์ ด้วยความที่ จอน เรียนจบมาในคณะสังคมวิทยา ทำให้มีความเข้าใจและสนใจในเรื่องของ “บุคคล” เป็นพิเศษ มีความเข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์

จอนชอบคุยกับคน ชอบฟัง ยิ่งได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักกีฬาคนพิการ ได้ฟังชีวิตของเขา บางคนเป็นทหารมาก่อน โดนระเบิด แขนขาขาด กำลังจะฆ่าตัวตาย

การได้ไปนั่งฟังว่าเขาผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร เป็นอะไรที่เติมเต็มชีวิตของเขามาก ทำให้จอนรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับแวดวงกีฬาคนพิการ ซึ่งก็ได้สะท้อนออกมาผ่านงานเขียนของตัวเขาเองในภายหลัง

ด้วยความเป็นคนที่ได้ทำมาแล้วแทบทุกอย่าง ทำให้แต่ละที่ที่ไปอยู่ จอนจะอิ่มตัวเร็ว เพราะก็ทำมาหมดแล้ว หลังจากอยู่กับทรูได้ไม่นาน จอน ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญให้กับชีวิตตนเองอีกครั้ง คราวนี้ จอนจะขอออกมาโลดแล่นด้วยตัวของเขาเอง จะไม่เป็นพนักงานประจำอีกต่อไปแล้ว..


จอน ไม่ได้ชื่อ "จอน"

ช่วงที่ลาออกมานั้นเป็นช่วงเริ่มต้น ของเพจกีฬาหลายๆ เพจ อินฟลูฯกีฬา ชื่อดังหลายคนในตอนนี้ ก็โตมาจากยุคนั้น จอน ในตอนนั้น ก็อยากมีเพจของตัวเองเหมือนกัน เอาไว้เล่าเรื่องราว หรือเขียนอะไรของตัวเองที่อยากจะเขียน อยากจะถ่ายทอดออกมาผ่านมุมมองของตัวเองบ้าง

ซึ่งเพจต่างๆ ในตอนนั้น ไม่ค่อยมีใครใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อเพจเลย แต่จอนคิดว่า ถ้าจะตั้งชื่อเพจของตัวเอง เพจนี้จะต้องชื่อ “จอน” เท่านั้น

ที่มาของชื่อ จอน นั้น จริงๆแล้ว ชื่อเล่นของ จอน คือ โบ๊ท แต่ไม่เคยมีคนเรียกชื่อนี้เลย ตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านอาม่า และพ่อแม่ ก็เรียกเขาว่า ปูยี (เป็นชื่อเล่นที่อาม่าเรียก มาจากชื่อจักรพรรดิจีนองค์สุดท้าย) พอมาที่โรงเรียนเพื่อนๆ ก็เรียกไอ้จอน ซึ่งมาจากชื่อจริงคือ ขจรยศ ครูก็เรียก

ทุกคนเรียกจอนหมด ลากยาวมาจนถึงตอนเรียนธรรมศาสตร์ ก็เลยเลยตามเลยไม่กล้าบอกคนอื่นแล้วว่าชื่อเล่นของเขา ไม่ใช่ จอน

เมื่อตัดสินใจเรียกตัวเองว่าจอน ทำให้เขามีลายเซ็นเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ เขาออกแบบเอง มันเป็นการออกแบบที่ลงตัวมาก

ลายเส้นนี้สะกดอ่านออกมาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีความเป็นเอกลักษณ์ ในตอนนั้น จอนบอกว่า

"รู้สึกว่ามันเท่มาก ผมเก็บความเท่นี้เอาไว้ในใจคนเดียวมาตลอด ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นำออกมาใช้จริงๆ"

ก้าวที่กล้า

“จริงๆ ชีวิตตอนนั้นก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนะ แล้วการลาออกจากบริษัทใหญ่มา ถ้าทำสำเร็จก็เรียกก้าวที่กล้า แต่ถ้าพลาดนี่ คือก้าวที่บ้าเลยนะ”

จอน ตัดสินใจออกมารับงานอิสระ ด้วยความที่อยู่ในวงการมานานพอสมควร รู้จักคนเยอะ ผู้ใหญ่หลายคนรู้ฝีไม้ลายมือ ก็ยังมีงานให้ทำอยู่เรื่อยๆ และก็ทำเพจ ของตัวเองควบคู่กันไป โดยเริ่มทำตั้งแต่ปี 2017 แรกๆ ที่ทำก็ยังไม่มีรายได้ แต่จอนก็ไม่ย้อท้อ ทำไปเรื่อยๆ ใช้ความขยันเข้าสู้

จนเพจเติบโตอย่างรวดเร็ว มีคนติดตามทะลุ 100,000 คน ในเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น

จอนใช้คำว่า “ทำมันแบบบ้าคลั่ง” จนเริ่มมีรายได้ออกมาในที่สุด ซึ่งถ้าถามว่า คิดว่า จอน ในตอนนี้ นับว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง จอนบอกว่า ก็สำเร็จระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีอะไรที่ต้องทำต่อ ต้องพัฒนาต่อไปอยู่อีกมาก อย่างเรื่องรายได้

แม้จะเติบโตขึ้น แต่ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันสูงแบบนี้ มีอินฟลูฯหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบบ้าง ก็ต้องต่อสู้กันไป

ตัวเขานั้นยอมรับได้ เพราะชีวิตผ่านอะไรมาเยอะพอสมควร ที่ผ่านมาอาจจะมีพวกเว็บพนัน เคยติดต่อมาขอซื้อเพจ หรือขอลงโฆษณา จอนก็ไม่เคยรับ และไม่ขอยุ่งเกี่ยว เขาไม่ขอใช้ทางลัด ขอเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีคุณภาพแบบนี้สบายใจกว่า


นิยามของ จอน นึกถึง จอนนึกถึงอะไร?

บางคนบอก จอน คือ อินฟลูเอนเซอร์ฟุตบอลไทย จอนบอกว่าก็ถูก แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด เขาคิดว่าถ้าจะให้นิยามตัวตนของเพจ จอน ในตอนนี้ จอน คือหลายๆอย่างหรือ “ทุกๆอย่างของกีฬาไทย” ของทีมชาติไทยในกีฬาทุกๆประเภท รวมไปถึงกีฬาคนพิการ

แม้ว่ากีฬานอก ฟุตบอลนอก อาจมีบ้าง แต่ที่ชัดเจนจริงๆเลย คือกีฬาไทย ทุกเกมส์การแข่งขัน ของนักกีฬาไทย ในทุกระดับ ถ้ามีโอกาส จอน ลงข่าวให้หมด

ถ้าเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการกีฬาไทย ไม่ว่าจะอยู่ในกระแส หรือนอกกระแสก็ตามที

จอนรู้สึกว่านักกีฬาทุกคน กว่าจะไปแข่งขันได้ ต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างยาวนาน มีความพยายาม ทุ่มเท ใช้ความมานะอุตสาหะ และเมื่อถึงเวลาต้องลงแข่งขันทุกคนก็พยายามสู้อย่างเต็มที่ จนสุดความสามารถ

จอน จึงอยากจะเป็นอีกกระบอกเสียงหนึ่งที่มีส่วนถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้น ผ่านงานเขียนที่มีสไตล์และลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว


หากคุณเป็นแฟนกีฬาไทยเช่นเดียวกับจอน มาร่วมให้กำลังใจและเดินทางไปด้วยกันกับงานเขียนของเขา

"จอน" ขจรยศ โชคธนเศรษฐ์

ติดตามผลงาน เรื่องราว และตัวตนของจอน ได้ที่ จอน

Instagram : kajohnjohnyos
Tiktok : จอน
Youtube : จอน